เมนู

พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค [1. เทวดาสังยุต]
2. นันทนวรรค 8. หิริสูตร

พระผู้มีพระภาคตรัสว่า
คนพาลประพฤติสมณธรรมเป็นเวลานาน
หากไม่ห้ามจิต เขาตกอยู่ในอำนาจแห่งความดำริ
ก็จะพึงติดขัดในทุกบท1
หากภิกษุยับยั้งความวิตกในใจไว้ได้
เหมือนเต่าหดอวัยวะไว้ในกระดองของตน
ก็จะไม่มีตัณหาและทิฏฐิอาศัย ไม่เบียดเบียนสัตว์อื่น
ดับสนิทแล้ว ไม่พึงว่าร้ายใคร

ทุกกรสูตรที่ 7 จบ

8. หิริสูตร
ว่าด้วยหิริ

[18] เทวดากล่าวว่า
คนผู้กีดกัน(อกุศลธรรม)ได้ด้วยหิริ มีอยู่น้อยในโลก
ภิกษุใดหลบหลีกนินทาได้ ตื่นตัวอยู่
เหมือนม้าชั้นดีหลบแส้ได้
ภิกษุเช่นนั้นมีอยู่น้อย2
พระผู้มีพระภาคตรัสว่า
ภิกษุเหล่าใดผู้กีดกัน(อกุศลธรรม)ได้ด้วยหิริ
มีสติ ประพฤติธรรมอยู่ทุกเมื่อ ถึงที่สุดแห่งทุกข์3
ย่อมดำเนินไปอย่างสม่ำเสมอในที่ที่ไม่สม่ำเสมอ
ภิกษุเหล่านั้นมีอยู่น้อย

หิริสูตรที่ 8 จบ


พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค [1. เทวดาสังยุต]
2. นันทนวรรค 9. กุฏิกาสูตร

9. กุฏิกาสูตร
ว่าด้วยกระท่อม

[19] เทวดาทูลถามว่า
ท่านไม่มีกระท่อมหรือ
ท่านไม่มีรังหรือ
ท่านไม่มีผู้สืบสกุลหรือ
ท่านเป็นผู้หลุดพ้นจากเครื่องผูกแล้วหรือ
พระผู้มีพระภาคตรัสตอบว่า
แน่นอน เราไม่มีกระท่อม
แน่นอน เราไม่มีรัง
แน่นอน เราไม่มีผู้สืบสกุล
แน่นอน เราเป็นผู้หลุดพ้นจากเครื่องผูกแล้ว
เทวดาทูลถามว่า
กระท่อมที่ข้าพเจ้ากล่าวกับท่าน คืออะไร
รังที่ข้าพเจ้ากล่าวกับท่าน คืออะไร
ผู้สืบสกุลที่ข้าพเจ้ากล่าวกับท่าน คืออะไร
เครื่องผูกที่ข้าพเจ้ากล่าวกับท่าน คืออะไร
พระผู้มีพระภาคตรัสตอบว่า
กระท่อมที่ท่านกล่าวกับเรา คือมารดา
รังที่ท่านกล่าวกับเรา คือภรรยา
ผู้สืบสกุลที่ท่านกล่าวกับเรา คือบุตร
เครื่องผูกที่ท่านกล่าวกับเรา คือตัณหา

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 15 หน้า :17 }